ประวัติ ของ วิกติส ฟินปอกาโตว์ตีร์

ชีวิตช่วงต้นและการศึกษา

เธอเกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2473 ที่เรคยาวิก เป็นธิดาของฟินโบกิ รูตเตอร์ โฟวาลซัน วิศวกรและอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยไอซ์แลนด์ และซิกิตัว เอดิสด็อตเตอร์ พยาบาลและผู้บริหารของสมาคมพยาบาลของประเทศไอซ์แลนด์ นอกจากนี้เธอยังมีน้องชายอีกหนึ่งคน[4] เธอเข้าศึกษาด้านวรรณกรรมฝรั่งเศสที่มหาวิทยาลัยอักษรศาสตร์เกรโนเบิลและมหาวิทยาลัยปารีส ในประเทศฝรั่งเศสระหว่าง พ.ศ. 2492 จนถึง พ.ศ. 2496 จากนั้นเธอศึกษาต่อในด้านประวัติศาสตร์วงการละครเวที มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน จนจบปริญญาตรี และยังได้รับปริญญามหาบัณฑิตจากคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยไอซ์แลนด์ ต่อมาเธอสมรสกับแพทย์คนหนึ่งใน พ.ศ. 2497 แต่ได้หย่าร้างในเวลาต่อมา จนกระทั่งเธอรับหญิงคนหนึ่งเป็นบุตรบุญธรรม เธอจึงเป็นหญิงชาวไอซ์แลนด์คนแรกที่จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมตามกหมายของประเทศ[5]

เธอคือหนึ่งในผู้มีส่วนร่วมของการประท้วงต่อต้านและขอให้กองทัพสหรัฐถอนฐานทัพออกจากประเทศไอซ์แลนด์เมื่อช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1960 และกลุ่มผู้ประท้วงนี้มักจะตะโกนด้วยคำว่า อิสลันด์เออร์เนโทเออร์รินบัด (ไอซ์แลนด์ไม่ใช่เนโท กองทัพสหรัฐจงออกไป)

ชีวิตในวงการวิชาการ

หลังสำเร็จการศึกษา เธอได้เป็นอาจารย์สอนภาษาฝรั่งเศสและละครเวทีฝรั่งเศสที่มหาวิทยาลัยในประเทศและทำงานร่วมกับโรงละครขนาดเล็กหลายครั้ง เธอยังทำงานร่วมกับโรงละครเรคยาวิกตั้งแต่ พ.ศ. 2497 จนถึง พ.ศ. 2500 และกลับมาทำงานให้อีกครั้งใน พ.ศ. 2504 จนถึง พ.ศ. 2507 ในช่วงฤดูร้อน เธอยังทำงานเป็นมัคคุเทศก์อีกด้วย นอกจากนี้ เธอยังเป็นครูสอนภาษาฝรั่งเศสอยู่ที่วิทยาลัยเมนตัตโซคินอีเรคยาวิกและวิทยาลัยเมนตัตโซคินอีฮัมมันฮิอัวร์ นอกจากนี้เธอยังเป็นอาจารย์สอนภาษาฝรั่งเศสที่มหาวิทยาลัยไอซ์แลนด์และเป็นผู้ออกแบบหลักสูตรการสอนภาษาฝรั่งเศสเพื่อออกอากาศผ่านทางสถานีโทรทัศน์ของประเทศอีกด้วย[5]

นอกจากนี้ เธอยังเป็นผู้อำนวยการของโรงละครแห่งเรคยาวิกตั้งแต่ พ.ศ. 2515 จนถึง พ.ศ. 2523 ควบคู่ไปกับเป็นสมาชิกของคณะกรรมการที่ปรึกษาด้วนวัฒนธรรมในแถบนอร์ดิก

ในฐานะประธานาธิบดี

เธอเป็นสตรีคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีของประเทศใน พ.ศ. 2523 ด้วยคะแนนเสียงถึงร้อยละ 33.79 แม้ว่าตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศไอซ์แลนด์เป็นแค่ในพิธีการอันเนื่องมาจากปกครองด้วยระบบสาธารณรัฐระบบรัฐสภา[5] แต่เธอมีบทบาทเป็นอย่างมากต่อประเทศไอซ์แลนด์ในฐานะนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมและผลกดันวัฒนธรรมและภาษาไอซ์แลนด์ให้เป็นที่รู้จักของคนทั้งโลก[5] เธอยังเป็นทูตทางวัฒนธรรมของประเทศ และเธอยังเน้นย้ำบทบาทของประเทศในเวทีโลก ซึ่งนำไปสู่การเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดระหว่างโรนัลด์ เรแกน ประธานาธิบดีสหรัฐ และมิฮาอิล กอร์บาชอฟ ผู้นำสหภาพโซเวียตเมื่อ พ.ศ. 2529 เธอมีคติประจำตัวเสมอว่า "อย่าทำให้ผู้หญิงด้วยกันต้องผิดหวัง ผู้หญิงก็สามารถมีบทบาทในเวทีโลกได้ทัดเทียมกับผู้ชาย" และเธอยังส่งเสริมสิทธิการศึกษษให้แก่เด็กหญิงภายในประเทศ เธอจึงเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีและความเป็นผู้นำของสตรี[6]

เธอหมดวาระใน พ.ศ. 2539 รวมระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งถึง 16 ปี และโอลาฟัวร์ แร็กนา กริมินสัน ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไอซ์แลนด์ต่อจากเธอ[7]

แหล่งที่มา

WikiPedia: วิกติส ฟินปอกาโตว์ตีร์ http://www.boe.es/boe/dias/1985/09/14/pdfs/A29024-... http://www.gettyimages.fi/detail/news-photo/queen-... http://falkadb.forseti.is/orduskra/fal03.php?term=... http://wayback.vefsafn.is/wayback/20160827074419/h... http://icelandmag.visir.is/article/first-female-he... http://www.anp-archief.nl/page/2225053/nl http://www.clubmadrid.org/en/miembro/vigdis_finnbo... http://www.clubmadrid.org/miembro/vigdis-finnbogad... //doi.org/10.1016%2Fs0261-3794(96)80470-7 //www.worldcat.org/issn/0261-3794